ไฟสปอตไลท์สำหรับงานช่างมีความสำคัญมาก เพราะช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับพื้นที่ทำงาน ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยหรือในเวลากลางคืน เพราะในหลายครั้งการทำงานช่างอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดบางอย่าง หรือสภาวะแวดล้อมที่ยากลำบากต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการขาดแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องมือ การขาดแหล่งน้ำ ไปจนกระทั่งขาดแสงสว่าง หลายครั้งช่างต้องเข้าทำงานในหน้างานที่ยังไม่ติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปา จึงทำให้การทำงานเป็นไปอย่างไม่สะดวกนัก
วันนี้พัมคินมีอีกหนึ่งไอเทมสารพัดประโยชน์ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาแสงสว่างไม่เพียงพอในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นอาคารหรือไซต์งานที่ยังไม่ติดตั้งระบบไฟฟ้า การซ่อมบำรุงช่วงล่างรถยนต์ สามารถนำไปแคมปิ้งก็ถูกใจสายเที่ยว หรือใช้งานเป็นไฟฉุกเฉินยามไฟดับในบ้านก็โล่งใจหายห่วง นั่นก็คือ ไฟสปอตไลท์ไร้สายนั่นเอง
ความสำคัญของไฟสปอตไลท์สำหรับงานช่าง
เพิ่มความปลอดภัย – ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เช่น การตัดผิดพลาด การสะดุด หรือการใช้งานเครื่องมืออย่างไม่ถูกต้อง
เพิ่มความแม่นยำในการทำงาน – แสงที่ชัดเจนช่วยให้ช่างสามารถมองเห็นรายละเอียดของงานได้ดีขึ้น
เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแสงน้อย – ใช้ได้ในที่มืด เช่น โรงจอดรถ ใต้ท้องรถ หรือสถานที่ก่อสร้างในเวลากลางคืน
เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแสงน้อย – ใช้ได้ในที่มืด เช่น โรงจอดรถ ใต้ท้องรถ หรือสถานที่ก่อสร้างในเวลากลางคืน
ประหยัดพลังงาน – ปัจจุบันมีไฟสปอตไลท์แบบ LED ที่ให้แสงสว่างสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ และมีอายุการใช้งานยาวนาน
หากคุณกำลังมองหาไฟสปอตไลท์สำหรับงานช่าง ควรเลือกที่มีความสว่างเหมาะสม ปรับมุมได้ และมีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานเพื่อความสะดวกในการทำงาน
หลอดไฟ LED คืออะไร
LED (Light Emitting Diode) หรือ “ไดโอดเปล่งแสง” เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าผ่านสารกึ่งตัวนำ ทำให้เกิดการปล่อยโฟตอนออกมาในรูปของแสง LED เป็นเทคโนโลยีแสงสว่างที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน
หลอดไฟ LED ได้ถือกำเนิดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1962 หรือเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว โดย Nick Holonyak Jr. ได้คิดค้น LED แสงสีแดงขึ้น ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลอดไฟ LED สำหรับแสงสถานะ (LED Indicator light) สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ LED ในยุคแรกนั้นยังไม่สามารถนำมาผลิตเป็นหลอดไฟแสงสว่างได้ เนื่องจากหลอดไฟ LED สีแดงนั้นมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างต่ำและไม่ทนต่อสภาพแวดล้อม
ต่อมาในปี ค.ศ. 1996 ในที่สุดความพยายาม ที่ยาวนานก็ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบการผลิต LED จากผลึกของสาร Gallium Nitride (GaN) และนับว่าเป็นการปฎิวัติวงการ LED ไปอย่างสิ้นเชิง Shiji Nakamura และทีม ได้รับรางวัล Nobel Prize สาขาฟิสิกส์ ในปี 2014 สำหรับการคิดค้น LED แสงสีฟ้านี้ขึ้นมา
รวมเหตุผลที่หลอดไฟ LED ได้รับความนิยม
ประหยัดพลังงานมากกว่า หลอดไฟ LED ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าหลอดไส้และหลอดฟลูออเรสเซนต์ถึง 50-80% ทำให้ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมาก
อายุการใช้งานยาวนาน หลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 25,000 – 50,000 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าหลอดไส้ (1,000 ชั่วโมง) และหลอดฟลูออเรสเซนต์ (8,000 – 15,000 ชั่วโมง)
ให้แสงสว่างที่มีคุณภาพสูง โดยจะให้แสงที่สว่างขึ้นทันทีเมื่อเปิด ไม่มีอาการกะพริบเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์ นอกจากนั้นยังมีค่าความถูกต้องของสีสูง (CRI – Color Rendering Index) ทำให้สีของวัตถุที่มองเห็นใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ
ไม่ปล่อยความร้อนสูง หลอดไส้และหลอดฮาโลเจนปล่อยความร้อนออกมามาก แต่ LED มีการปล่อยความร้อนน้อย ทำให้ช่วยลดภาระของเครื่องปรับอากาศ
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีสารปรอทหรือก๊าซอันตรายเหมือนหลอดฟลูออเรสเซนต์ และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) น้อยกว่าหลอดไฟแบบเก่า
ทนทานและใช้งานได้หลากหลาย ทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดี ไม่มีไส้หลอดที่เปราะบางเหมือนหลอดไส้ ใช้ได้ทั้งในบ้าน อาคารสำนักงาน โรงงาน ไปจนถึงไฟถนนและไฟรถยนต์

ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกไฟสปอตไลท์ LED
ค่าอุณหภูมิสี
เมื่อเราเปรียบเทียบสปอร์ตไลท์ LED กับไฟสปอร์ตไลท์แบบฮาโลเจน เราสังเกตเห็นความแตกต่างที่สำคัญในเรื่องอุณหภูมิสีของแสง สปอร์ตไลท์ LED ทำให้เราเลือกอุณหภูมิสีได้ ทำให้เราสามารถสร้างอารมณ์ที่ต้องการในการตกแต่งภายในได้ โดยอุณหภูมิสีมีหน่วยวัดเป็นเคลวิน (K) ยิ่งตัวเลขสูง แสงเป็นสีน้ำเงิน (เย็นกว่า) แสงของสปอร์ตไลท์โดยทั่วไปจะมี 3 โทน คือ แสงขาว Daylight (6000K-6500K) แสงขาวนวล Cool White (4000K) และแสงส้ม (3000K-3500K) ซึ่งเราต้องคำนึงถึงลักษณะงานที่ใช้ด้วย
มุมองศาของแสง (Beam Angle)
หากเราต้องการให้แสงของโคมสปอร์ตไลท์นั้นพุ่งเป็นเส้นตรงโฟกัสไปยังจุดใดจุดหนึ่งควรจะเลือกมุมกระจายแสง (Beam Angle) ที่แคบตั้งแต่ 15 – 90 องศา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับงานเน้นพาะจุด สปอร์ตไลท์ที่ฉายลำแสงแคบสามารถปรับได้ง่ายสามารถปรับทิศทางแสงไปยังจุดที่ต้องการได้ กลับกันถ้าหากต้องการให้แสงกระจายออกไปทั่วบริเวณ ไม่กระจุกตัวก็ควรเลือกมุมกระจายแสงที่กว้างตั้งแต่ 110 – 120 องศา
ความสว่างของหลอดไฟ LED
ปริมาณของแสงที่หลอดไฟผลิตได้จะมีหน่วยวัดเป็นหน่วยลูเมน (lm) โดย 1 Lumen จะมีความเข้มข้นเท่ากับแสงเทียน 1 เล่มในรัศมี 1 ฟุตหรือ 1 ตารางฟุต ยิ่งมีค่ามากเท่าไหร่เเปลว่าหลอดไฟดวงนั้นยิ่งจะมีความสว่างมากขึ้น หลอดไฟที่มีค่าลูเมนสูง มักมีความสามารถในการให้แสงสว่างและชัดเจนในพื้นที่ที่ใช้งาน คนส่วนใหญ่ที่ยังเข้าใจผิดว่า เวลาเลือกซื้อให้ดูที่ค่าวัตต์เพราะวัตต์ เป็นตัวบ่งบอกค่าความสว่าง เเต่ที่จริงเเล้ววัตต์เป็นค่าที่บอกถึงค่าพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ ต่อไปนี้เวลาเลือกซื้อหลอดไฟ ห้ามดูเเค่ค่าวัตต์ ต้องดูค่าลูเมนควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ได้ค่าของแสงสว่างที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งานนั่นเอง โดยเราสามารถเทียบความสัมพันธ์ของค่าวัตต์และลูเมนได้ดังนี้
หลอดไฟ LED ที่มีค่าลูเมนสูงและค่าวัตต์ต่ำ จะมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง ให้แสงสว่างมาก และช่วยประหยัดพลังงาน
หลอดไฟ LED ที่มีค่าลูเมนสูงแต่ค่าวัตต์สูงด้วย อาจจะใช้พลังงานมากกว่า และค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
หลอดไฟ LED ที่มีค่าลูเมนต่ำแต่ค่าวัตต์ต่ำ อาจจะให้แสงสว่างน้อยลง และใช้พลังงานน้อยกว่า
การปรับตั้งระดับความสว่างและรูปแบบการกระพริบ
ควรพิจารณาด้วยว่าคุณต้องการไฟแบบหรี่แสงได้หรือหรี่แสงไม่ได้ การเพิ่มหลอดไฟด้วยคุณลักษณะนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณควบคุมความเข้มของแสงในห้องของคุณได้ นอกจากนี้หากเราไม่ต้องการแสงสว่างที่มากเกินไปนัก เพราะในบางครั้งสถานที่ที่เราทำงานอาจมีแสงส่องสว่างอยู่บ้างแล้ว การปรับตั้งค่าหรี่แสงก็จะช่วยประหยัดพลังงานหรือแบตเตอรี่ได้อีกด้วย และในบางครั้งหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ไฟสปอตไลท์ที่สามารถปรับตั้งค่าการกระพริบได้นั้นก็สามารถช่วยให้สัญญาณในพื้นที่ทำงานได้อีกด้วย จึงควรเลือกไฟสปอตไลท์ไร้สายที่สามารถปรับตั้งระดับความสว่าง และมีฟังก์ชันไฟกระพริบด้วยนั่นเอง
ความสะดวกสบายในการติดตั้ง พกพา และปรับองศาของการส่องสว่าง
ไฟสปอตไลท์แบบไร้สายนั้นมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมาก เพราะสามารถพกพาไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ดังนั้นคุณสมบัติที่สำคัญคือต้องพกพาง่าย จับ ถือได้ถนัดมือ นอกจากนั้นยังควรติดตั้งได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวาง แขวน ห้อย เพราะในหน้างานนั้นการให้แสงสว่างในส่วนที่เราต้องการเน้นเป็นเรื่องสำคัญ และปัจจัยที่ห้ามมองข้ามก็คือ การปรับหมุนองศาของหน้าแผงไฟที่ควรปรับหมุนได้อย่างอิสระ เพื่อการทำงานที่คล่องตัวสำหรับช่างมืออาชีพนั่นเอง
ไฟสปอตไลท์ LED ไร้สาย 20 V รุ่น INF-18LS ไอเทมใหม่ล่าสุดจากพัมคิน

เลนส์ใหญ่ ให้ความสว่างเจิดจ้า ปรับตั้งค่าความสว่างได้ 4 โหมด
ไฟสปอตไลท์ LED ไร้สายจากพัมคิน มีหน้าเลนส์ที่ใหญ่ ขนาดเลนส์กระจก 10.5 x 14.5 เซนติเมตร ทนต่อแรงกระแทก นอกจากนั้นแล้วไฟ LED ยังมีค่าความสว่างถึง 1,800 ลูเมน ให้ความเจิดจ้าเป็นพิเศษ และมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 20,000 ชั่วโมง การตั้งค่าความสว่างมีปุ่ม เปิด-ปิด ไฟส่องสว่าง สามารถปรับตั้งค่าความสว่างได้ 4 โหมด สูง-กลาง-ต่ำ-กระพริบ (ไฟกระพริบ-ฉุกเฉิน / SOS เปิดใช้งานกรณีต้องการความช่วยเหลือ)
หมุนได้ 360 องศา ส่องสว่างรอบทิศทาง
หัวหมุนได้ 360 องศา สะดวกต่อการใช้งานและสามารถส่องสว่างได้รอบทิศทางตามต้องการ
ตะขอมืออิสระ แขวนง่าย ถือพกพาสบาย
ออกแบบให้มีตะขอแขวนได้ สะดวกต่อการใช้งานไม่ว่าจะเป็นแขวนติดผนัง หอพัก เต็นท์ แคมป์ปิ้ง แขวนใต้ท้องรถเพื่อช่อมช่วงล่างของรถ และอื่นๆ ตะขอมือแบบอิสระ แขวนง่าย หรือจับถือ พกพาได้สะดวก นอกจากนั้นยังออกแบบให้มียางกันลื่นที่ขาตั้ง ช่วยให้มั่นคง แข็งแรงยิ่งขึ้น
สะดวกสบาย ทำงานที่ไหนก็เสียบชาร์จมือถือได้ ไม่ต้องกล้วแบตหมด
ไฟสปอตไลท์ไร้สายจากพัมคิน นอกจากช่วยส่องสว่างแล้ว ยังมีช่อง USB Output 5V./ 2.0A. สามารถเสียบชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย
ไฟสปอตไลท์ไร้สายถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่มีความสำคัญสำหรับช่างทุกประเภท สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ มีติดบ้าน ติดรถไว้มั่นใจหายห่วง ไม่ต้องกลัวความมืดอีกต่อไป และสำหรับไฟสปอร์ตไลท์ไร้สาย 20V รุ่น INF-18LS จากพัมคินนั้น มาพร้อมฟังก์ชันอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นไฟ LED ที่ให้ความสว่างเจิดจ้า หน้าปัดใหญ่ ปรับตั้งระดับความสว่างและการกระพริบได้ หมุนได้ 360 องศา จะถือ จับ แขวน ห้อย เกี่ยวแบบไหนก็เอาอยู่ด้วยตะขอมือแบบอิสระ และยังสะดวกสบายด้วยช่อง USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย อีกหนึ่งสินค้าคุณภาพจากพัมคินแบรนด์คนไทยที่เราอยากให้คุณได้ลองสัมผัสและทดลองใช้งาน