การเจาะผนังปูนหรือคอนกรีตให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี “ดอกสว่านเจาะปูน” ที่เราเลือกใช้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดอกสว่านที่เหมาะสมจะช่วยให้การเจาะง่ายขึ้น งานเสร็จไว และลดความเสียหายของผนัง ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ ประเภทของดอกสว่านเจาะปูน แต่ละแบบและงานที่เหมาะสม วิธีเลือกดอกสว่านให้เหมาะกับผนังประเภทต่างๆ เช่น อิฐมอญ คอนกรีต และพรีแคสต์ และสุดท้ายจะ แนะนำดอกสว่านเจาะปูนแบรนด์ PUMPKIN ที่ทั้งแข็งแรง ทนทาน เจาะง่าย พร้อมรุ่นยอดนิยม โดยใช้ภาษาเข้าใจง่าย สไตล์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
ประเภทของดอกสว่านเจาะปูนและการใช้งานที่เหมาะสม
ดอกสว่านเจาะปูนมีหลายประเภท ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับงานเจาะวัสดุก่อสร้างที่มีความแข็ง เช่น ปูนและคอนกรีต ดอกสว่านเหล่านี้มักมีลักษณะเกลียวบิดและปลายดอกทำจากโลหะที่แข็งมาก (เช่น ทังสเตนคาร์ไบด์) เพื่อให้ทนต่อแรงกระแทกจากการเจาะ
ดอกสว่านเจาะปูนแกนกลม (Straight Shank Masonry Bit)
ดอกสว่านเจาะปูนมาตรฐานที่มีแกนทรงกระบอกธรรมดา ใช้กับสว่านไฟฟ้าหรือสว่านกระแทกทั่วไปได้ทุกรุ่น เหมาะสำหรับงานเจาะยึดพุกพลาสติกหรือพุกเหล็กบนผนังทั่วไป เช่น ผนังอิฐหรือปูนฉาบ ดอกชนิดนี้มักมีปลายหัวเป็นทังสเตนคาร์ไบด์คมสองด้านสำหรับเจาะวัสดุก่อสร้างทั่วไป จุดเด่นของดอกสว่านเจาะปูนแกนกลมคือหาซื้อง่ายและใช้ได้อเนกประสงค์ แต่หากวัสดุผนังแข็งมากอาจต้องออกแรงกดมากขึ้น
ดอกสว่านโรตารี่ SDS-Plus
ดอกสว่านชนิดนี้ออกแบบมาสำหรับ สว่านโรตารี่ โดยเฉพาะ (หัวจับแบบ SDS-Plus) มีร่องจับที่ก้านดอกทำให้ล็อกกับหัวสว่านโรตารี่ได้แน่นหนา ดอก SDS-Plus มักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4–26 มม. ใช้เจาะงานปูนและคอนกรีตตั้งแต่งานเบาถึงปานกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความพิเศษของดอก SDS-Plus คือบางรุ่นจะมี หัวคาร์ไบด์ 2 เขี้ยว (สองคมตัด) และบางรุ่นแบบพิเศษจะเป็น หัว 4 เขี้ยว (Four-cutter) ทำให้เจาะได้เร็วและรูเจาะกลมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หัวแบบ 4 เขี้ยวผลิตจากทังสเตนคาร์ไบด์เกรดสูง ช่วยให้เจาะคอนกรีตเสริมเหล็กหรือหินแข็งๆ ได้ง่ายและแม่นยำกว่าดอกทั่วไป อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ดอกโรตารี่ SDS-Plus เหมาะกับงานเจาะคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังคอนกรีตหนา หรือเจาะจำนวนหลายรู เพราะใช้กับสว่านที่มีกลไกกระแทกแรงสูง ช่วยทุ่นแรงผู้ใช้งาน
ดอกสว่านโรตารี่ SDS-Max
เป็นดอกสว่านโรตารี่ขนาดใหญ่ขึ้น (แกนเสียบ SDS-Max เส้นผ่าศูนย์กลาง ~18 มม.) ใช้กับสว่านโรตารี่รุ่นใหญ่ที่มีกำลังมาก เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น การเจาะคอนกรีตโครงสร้างหนาๆ หรือพื้นคอนกรีตหนา รูปแบบหัวและคมตัดจะคล้ายกับ SDS-Plus แต่ขนาดใหญ่กว่า ทำให้เจาะรูที่โตและลึกกว่าได้เร็วกว่ามาก
ดอก SDS-Max มักใช้ในงานก่อสร้างมืออาชีพหรือโครงการใหญ่ ในงานช่างทั่วไปในบ้านอาจไม่จำเป็นต้องใช้ดอกประเภทนี้ หากไม่ได้เจาะรูขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
ดอกสว่านโฮลซอเจาะปูน (Masonry Hole Saw/Core Bit)
ดอกสว่านลักษณะเป็นกระบอกกลวงที่ขอบมีฟันคาร์ไบด์ ใช้ร่วมกับสว่านโรตารี่สำหรับเจาะรูขนาดใหญ่ เช่น เจาะช่องผ่านผนังคอนกรีตเพื่อเดินท่อแอร์หรือท่อประปา ดอกโฮลซอจะมีแกนนำศูนย์ตรงกลางช่วยกำหนดตำแหน่งก่อนที่ตัวกระบอกจะค่อยๆ กัดลงไปรอบๆ เป็นวง กลุ่มช่างมืออาชีพจะใช้ดอกโฮลซอเมื่อต้องการรูขนาดใหญ่ (เช่น 2–4 นิ้วขึ้นไป) ที่ดอกสว่านธรรมดาไม่สามารถเจาะได้ในครั้งเดียว ดอกชนิดนี้ต้องใช้กับสว่านโรตารี่กำลังสูงและควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะแรงบิดขณะเจาะค่อนข้างสูง

นอกจากที่กล่าวมา ปัจจุบันยังมี ดอกสว่านอเนกประสงค์ (Multi-Purpose Drill Bit) ที่ปลายหัวฝังทังสเตนคาร์ไบด์เช่นกัน แต่ถูกออกแบบให้เจาะวัสดุได้หลากหลาย ทั้งไม้ โลหะ และปูนในตัวเดียวกัน ดอกอเนกประสงค์เหมาะกับงานซ่อมแซมติดตั้งภายในบ้านที่ต้องเจาะหลายวัสดุสลับกัน อย่างไรก็ตาม หากงานหลักคือเจาะปูน/คอนกรีตโดยตรง การใช้ดอกสว่านเฉพาะสำหรับปูนจะได้ประสิทธิภาพและความทนทานที่ดีกว่า เนื่องจากออกแบบมาสำหรับงานกระแทกและระบายเศษปูนโดยเฉพาะ
เลือกดอกสว่านเจาะปูนอย่างไรให้เหมาะกับผนังประเภทต่าง ๆ
วัสดุผนังที่แตกต่างกันต้องการดอกสว่านและเทคนิคการเจาะที่ต่างกัน ก่อนเลือกดอกสว่านเราควรรู้ประเภทของผนังที่จะเจาะเพื่อจะได้เลือกเครื่องมือและดอกเจาะที่เหมาะสมที่สุด โดยทั่วไปผนังบ้านนิยมใช้วัสดุหลักอยู่ไม่กี่ประเภท เราสามารถสรุปแนวทางการเลือกใช้ดอกสว่านเจาะปูนสำหรับผนังแต่ละแบบได้ดังนี้
ผนังอิฐมอญ (อิฐก่อแดง)
ผนังก่ออิฐมอญฉาบปูนเป็นผนังที่พบได้บ่อยในบ้านทั่วไป อิฐมอญมีความแข็งปานกลางและค่อนข้างเปราะ การเจาะผนังอิฐมอญสามารถใช้สว่านกระแทกทั่วไป (Impact Drill) ร่วมกับดอกสว่านเจาะปูนแกนกลมมาตรฐานได้เลย เนื่องจากอิฐมอญไม่แข็งเท่าคอนกรีต การใช้ดอกคาร์ไบด์สองคมธรรมดาขนาดตามพุกที่ต้องการจะเพียงพอ เทคนิคคือ เริ่มเจาะด้วยความเร็วต่ำประคองให้ปลายดอกอยู่ตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นจึงค่อยเพิ่มความเร็วและแรงกระแทก จะช่วยป้องกันไม่ให้ปูนฉาบรอบๆ รูกะเทาะเสียหาย หากเจาะทะลุทั้งผนัง ควรรองพื้นที่ด้านหลังจุดเจาะเพื่อลดเศษอิฐแตกหล่น
ผนังคอนกรีตหล่อในที่ (ผนังคอนกรีตโครงสร้าง)
ผนังคอนกรีตหรือโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (เช่น เสา คาน หรือผนังหล่อกับที่) มีความแข็งแรงและหนาแน่นมาก การเจาะวัสดุนี้ต้องการดอกสว่านที่ทนทานและเครื่องสว่านที่มีกำลังสูงกว่างานอิฐทั่วไป แนะนำให้ใช้สว่านโรตารี่ (Rotary Hammer) ที่มีระบบ SDS-Plus พร้อมดอกสว่านโรตารี่เจาะปูนโดยเฉพาะ จะช่วยให้เจาะคอนกรีตได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า หากใช้สว่านกระแทกธรรมดาจะเจาะได้ช้ามากและดอกสว่านสึกหรอเร็ว
เทคนิคการเจาะคือเจาะนำด้วยดอกสว่านหัวกระเบื้องหรือดอกเล็กๆ ก่อนเพื่อผ่านชั้นปูนฉาบ จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นดอกคาร์ไบด์เจาะคอนกรีตด้วยโหมดกระแทก วิธีนี้ช่วยลดการลื่นไถลของดอกบนผิวหน้าและช่วยยืดอายุดอกสว่านด้วย สำหรับผนังคอนกรีตควรเลือกใช้ดอกสว่านเจาะปูนคุณภาพสูง (เช่น ดอก SDS-Plus ปลายคาร์ไบด์คมๆ) ขนาดให้พอดีกับพุกที่ใช้ และใช้คู่กับสว่านโรตารี่ที่มีกำลังกระแทกเพียงพอ
ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast)
ผนังพรีแคสต์คือแผ่นผนังคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปจากโรงงาน ซึ่งมีความแข็งแกร่งและความหนาแน่นสูงมาก การเจาะผนังชนิดนี้จะ ยากกว่าผนังคอนกรีตทั่วไป เนื่องจากผนังมักหนาและมีกำลังอัดสูง ช่างผู้มีประสบการณ์ยืนยันว่า สว่านกระแทกธรรมดาแทบไม่สามารถเจาะผนังพรีแคสต์ได้เลย ควรเลือกใช้สว่านโรตารี่กำลังสูงร่วมกับดอกสว่าน SDS-Plus คุณภาพดีเท่านั้น
วัสดุผนังชนิดอื่นๆ ที่อาจเจอ เช่น ผนังอิฐบล็อก (คอนกรีตบล็อกกลวง) หรือ ผนังอิฐมวลเบา (Hebel หรือ Q-CON) ก็มีวิธีเลือกดอกที่ต่างกันเล็กน้อย ผนังอิฐบล็อกสามารถใช้สว่านกระแทกกับดอกปูนธรรมดาได้คล้ายอิฐมอญ แต่ควรใช้รอบเครื่องต่ำและค่อยๆ เจาะเพราะบล็อกเปราะและแตกง่าย ส่วนผนังอิฐมวลเบาซึ่งเนื้อวัสดุอ่อนกว่า สามารถเจาะได้โดย ไม่ต้องใช้โหมดกระแทก หรือใช้ดอกเจาะปูนธรรมดาคู่กับสว่านไฟฟ้าธรรมดาก็พอ แต่ต้องระวังไม่ให้รูเจาะเยิน (ควบคุมแรงกดสม่ำเสมอ) และควรใช้พุกสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะ
หลักการสำคัญของการเลือกดอกสว่านให้เหมาะกับพื้นผิวแต่ละประเภทคือ ต้องรู้จักผนังที่จะเจาะก่อน แล้วเลือกชนิดของดอกสว่านและเครื่องสว่านให้เหมาะสม หากเป็นผนังอิฐหรือปูนก่อทั่วไป สว่านกระแทกกับดอกปูนธรรมดาก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นคอนกรีตหรือพรีแคสต์ต้องขยับไปใช้สว่านและดอกเจาะที่ทรงพลังขึ้นตามลำดับ จะช่วยให้งานเสร็จไวและปลอดภัยยิ่งขึ้น
