แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน คืออะไร ทำไมถึงนิยมใช้กับเครื่องมือไร้สาย
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) เป็นแบตเตอรี่ชนิดชาร์จไฟได้ที่มีเทคโนโลยีการเก็บประจุโดยอาศัยการเคลื่อนที่ของไอออนลิเธียมระหว่างขั้วบวกและขั้วลบภายในเซลล์ ในขณะคายประจุ (ใช้งาน) ลิเธียมไอออนจะเคลื่อนจากแอโนด (ขั้วลบ ทำจากกราไฟต์) ไปยังแคโทด (ขั้วบวก ทำจากออกไซด์ของโลหะลิเธียม ผ่านตัวกลางอิเล็กโทรไลต์ และเมื่อชาร์จไฟ ไอออนเหล่านี้จะวิ่งกลับมายังแอโนดใหม่
กระบวนการนี้เกิดขึ้นภายในโครงสร้างเซลล์รูปทรงกระบอกหรือปริซึมที่ ประกอบด้วยชั้นแผ่นแอโนด-แคโทดที่คั่นด้วยแผ่นกั้นบาง แล้วม้วนหรือซ้อนกันแน่นอยู่ในปลอกโลหะ ภายในยังเติมด้วยสารละลายอิเล็กโทรไลต์เหลวเพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ของไอออน การออกแบบดังกล่าวทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มีความหนาแน่นพลังงานสูง กล่าวคือสามารถบรรจุไฟฟ้าได้มากในขนาดที่เล็กกะทัดรัด เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่น ในพื้นที่ขนาดเท่ากันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้มากกว่าแบตเตอรี่ Ni-Cd หรือ Ni-MH หลายเท่า เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มีความจุพลังงานราว 160 Wh/kg ขณะที่ แบตเตอรี่นิกเกิล–แคดเมียม มีเพียง ~45 Wh/kg
จุดเด่นด้านพลังงานและน้ำหนักของ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
ด้วยความหนาแน่นพลังงานที่สูงกว่า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จึงให้แรงดันไฟฟ้าต่อเซลล์ประมาณ 3.6-3.7 โวลต์ ซึ่งสูงกว่าแบตเตอรี่แบบนิกเกิลที่ให้ประมาณ 1.2 โวลต์ต่อเซลล์เท่านั้น นั่นหมายความว่าในการสร้างชุดแบตเตอรี่ 20V (ประมาณ 18V nominal) จะใช้เซลล์ Li-ion เพียง 5 ก้อนต่ออนุกรม (5s) แทนที่จะต้องใช้เซลล์นิกเกิลถึง 15 ก้อนต่ออนุกรม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จึงมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่ามาก ช่วยให้เครื่องมือไร้สายมีน้ำหนักรวมเบาลง จับถือและทำงานได้สะดวกขึ้นโดยไม่เพิ่มภาระให้ผู้ใช้งาน แต่ยังคงจ่ายพลังงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน อีกทั้งแรงดันที่สูงและเสถียรของ แบตเตอรี่ Li-ion ทำให้มอเตอร์ไร้สายในสว่านหรือเครื่องมืออื่น ๆ สามารถสร้างแรงบิดและกำลังงานได้อย่างเต็มที่ ไม่มีอาการไฟตกจนเครื่องมือตันง่าย
ทำไมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจึงเหมาะกับการใช้งานร่วมกับเครื่องมือไร้สาย
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนถูกเลือกใช้ในเครื่องมือช่างไร้สายยุคใหม่เพราะข้อดีหลายประการดังนี้
พลังงานที่เก็บได้ (ความจุและความหนาแน่นพลังงาน) : แบตเตอรี่ Li-ion ได้เปรียบอย่างชัดเจนในแง่ความจุไฟฟ้าและความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า เช่น ในขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกัน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สามารถจุไฟได้มากกว่า แบตเตอรี่ Ni-Cd/ Ni-MH หลายเท่า ทำให้เครื่องมือที่ใช้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำงานได้นานกว่าในน้ำหนักแบตที่เบากว่า ตัวอย่างเช่น เซลล์แบตเตอรี่ Ni-Cd ขนาดมาตรฐานให้ความจุราว 600 mAh ส่วนเซลล์แบตเตอรี่ Ni-MH รุ่นใหม่ประมาณ 2000 mAh แต่เซลล์แบตเตอรี่ Li-ion สมัยใหม่มีความจุได้ตั้งแต่ 2000 mAh ไปจนถึงมากกว่า 3000 mAh ต่อเซลล์ และยิ่งถ้าเป็นเซลล์ใหญ่ขึ้นหรือรุ่นความจุสูงก็อาจมากกว่านั้น ทำให้แพ็กแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีพลังงานรวมสูงกว่า จึงจ่ายไฟให้เครื่องมือทำงานต่อเนื่องได้นานกว่ามาก
ประสิทธิภาพการจ่ายกระแสและแรงดัน : แบตเตอรี่ Ni-Cd มีชื่อเสียงเรื่องการจ่ายกระแสสูงได้ดีในยุคหนึ่ง (ทนกระแสโหลดสูง) แต่แบตเตอรี่ Li-ion รุ่นใหม่ก็สามารถจ่ายกระแสสูงได้ไม่แพ้กัน ขณะเดียวกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน รักษาระดับแรงดันได้ค่อนข้างคงที่ตลอดช่วงการคายประจุ มากกว่า แบตเตอรี่ Ni-Cd/ Ni-MH ที่แรงดันจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อใช้ไฟ ทำให้เครื่องมือที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Li-ion มีแรงสม่ำเสมอตลอดการใช้งาน จนกระทั่งวงจรตัดไฟเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ในทางกลับกัน เครื่องมือที่ใช้แบตเตอรี่ Ni-Cd มักจะแรงตกเมื่อแบตเริ่มอ่อนกำลัง
เหมาะกับเครื่องมือไร้สายที่ต้องการแรงบิดสูง : แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถจ่ายไฟได้แรงและเสถียร ทำให้รอบมอเตอร์และแรงบิดของเครื่องมือคงที่ ไม่ตกลงแม้แบตเตอรี่ใกล้หมด นอกจากนี้ยังรองรับการจ่ายกระแสสูงชั่วขณะเพื่อรองรับงานหนัก เช่น การเจาะหรือขันสกรูขนาดใหญ่ ซึ่งจำเป็นต่อเครื่องมือช่างไร้สายที่มีแรงบิดสูง
น้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด : ด้วยความจุต่อน้ำหนักที่สูงกว่า แบตเตอรี่ Li-ion จึงมีขนาดเล็กและเบากว่าแบตเตอรี่นิกเกิลที่ให้พลังงานเท่ากัน เครื่องมือไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จึงออกแบบให้กะทัดรัดไม่เทอะทะ ผู้ใช้งานถือใช้งานได้นานโดยเมื่อยล้าน้อยกว่า ต่างจากยุคแบตเตอรี่ Ni-Cd ซึ่งก้อนแบตหนักและใหญ่มากจนเครื่องมือมีน้ำหนักเสียสมดุล ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20V ของ PUMPKIN มีรูปทรงกะทัดรัด น้ำหนักเบา ติดตั้งกับเครื่องมือแล้วไม่รู้สึกเกะกะ ช่วยให้ทำงานในที่แคบหรือมุมสูงได้ถนัดขึ้น
ประสิทธิภาพการเก็บประจุและพร้อมใช้ : แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สามารถเก็บประจุไฟได้นานกว่า หากชาร์จเต็มแล้วไม่ได้ใช้งานจะสูญเสียประจุเองเพียงประมาณ 2-8% ต่อเดือน เท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบ Ni-Cd/ Ni-MH ที่อาจสูญเสียประจุ 10-50% ต่อเดือน นั่นหมายความว่าเครื่องมือไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จะหยิบมาใช้งานได้ทันทีแม้เก็บไว้นาน โดยไม่ต้องชาร์จก่อนบ่อย
ไม่มีปัญหา Memory Effect : แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ไม่มีปรากฏการณ์ “เมมโมรี่เอฟเฟกต์” ที่ความจุของแบตจะลดลงหากชาร์จใหม่ก่อนใช้หมด ต่างจากแบตเตอรี่ Ni-Cd รุ่นเก่าที่หากใช้งานไม่หมดแล้วนำไปชาร์จทับบ่อยๆ จะเกิดผลึกและทำให้ความจุลดลงถาวร ผู้ใช้จึงชาร์จแบตเตอรี่ Li-ion ได้ทุกเมื่อที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
ชาร์จไฟได้รวดเร็ว : ด้วยเคมีของแบตเตอรี่ Li-ion ที่รองรับการชาร์จไวและวงจรควบคุมที่ทันสมัย ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายในเวลาสั้น เช่น แบตเตอรี่ PUMPKIN 20V ขนาด 4.0Ah สามารถชาร์จเต็มในประมาณ 105 นาที ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ XPLUS ที่เป็นแบบ Fast Charge ลดเวลารอและเพิ่มความต่อเนื่องในการทำงาน
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : แบตเตอรี่แบบ นิกเกิล–แคดเมียม (Nickel-Cadmium หรือ NiCad / Ni-Cd) มี แคดเมียม ซึ่งเป็นโลหะหนักอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ การกำจัดทิ้งต้องทำอย่างระมัดระวังไม่ให้ปนเปื้อนสู่ธรรมชาติ ส่วน แบตเตอรี่แบบนิเกิล-เมทัล-ไฮไดรด์ (Nickel Metal Hydride หรือ Ni-MH) ไม่มีแคดเมีย แต่ยังมีโลหะนิกเกิล ในขณะที่แบตเตอรี่ Li-ion ใช้ลิเธียมและโลหะอื่นๆ ที่แม้การผลิตจะมีผลกระทบอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกัน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ถูกมองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะไม่มีโลหะหนักอันตรายอย่างแคดเมียม
จากคุณสมบัติข้างต้น จะเห็นว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเหมาะสมอย่างยิ่งกับเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายที่ต้องการทั้งพลังงานสูงและความคล่องตัว ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์การทำงานที่ต่อเนื่อง ยาวนาน และสะดวกสบาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม PUMPKIN จึงเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ร่วมกับเครื่องมือไร้สายของแบรนด์
โครงสร้างภายใน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน : ส่วนประกอบชั้นเซลล์ แผงวงจร และการทำงานกับเครื่องมือ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความปลอดภัยและใช้งานได้มีประสิทธิภาพ คือ การออกแบบโครงสร้างภายในของแพ็กแบตเตอรี่ ที่ผสานทั้งส่วนของเซลล์แบตเตอรี่และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว บทความนี้ เราจะยกตัวอย่างโดยแจกแจงส่วนประกอบของแบตเตอรี่ Li-ion 20V แบรนด์ PUMPKIN ซึ่งประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ ดังนี้
ชุดเซลล์ย่อย (Battery Cells)
ภายในกล่องแบตเตอรี่จะมีเซลล์ Li-ion ทรงกระบอกหลายก้อน (มักใช้เซลล์มาตรฐานขนาด 18650 หรือ 21700) ต่อเรียงกันเป็นชุด อนุกรม 5 เซลล์ เพื่อให้ได้แรงดันรวมประมาณ 18-20V และในรุ่นความจุสูง (เช่น 4.0Ah, 5.0Ah) อาจต่อ ขนาน 2 ชุด เพื่อเพิ่มความจุโดยยังคงแรงดันเท่าเดิม ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ 20V 4.0Ah ของ PUMPKIN ใช้เซลล์ 5S2P (5 เซลล์ต่ออนุกรม และ 2 ชุดอนุกรมต่อขนาน) รวมเป็น 10 เซลล์ย่อย เพื่อให้ได้แรงดัน 20V และความจุรวม ~4,000 mAh แต่ถ้าเป็นรุ่น 2.0Ah จะใช้ 5 เซลล์แบบ 5S1P (ชุดอนุกรมเดียว) เป็นต้น เซลล์แต่ละก้อนภายในถูกจัดเรียงและยึดติดอย่างแน่นหนา พร้อมมีวัสดุกันกระแทกรองรับ เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนหรือกระแทกขณะใช้งานเครื่องมือช่าง
แผงวงจรควบคุมหรือระบบจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System – BMS)
ส่วนนี้เปรียบเสมือนสมองและผู้คุมความปลอดภัยของแพ็กแบตเตอรี่ ประกอบด้วยแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้ง ชิป IC อัจฉริยะ ในแบตเตอรี่ รุ่น P20 และ ทรานซิสเตอร์กำลัง MOSFET หลายตัว ในแบตเตอรี่ รุ่น X20 วงจร BMS ทำหน้าที่หลากหลาย เช่น
- วัดและควบคุมแรงดันของแต่ละเซลล์ : BMS จะตรวจสอบแรงดันของเซลล์ทั้ง 5 (หรือ 10 ในกรณี 2P5S) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าแรงดันไม่เกินค่าที่ปลอดภัยขณะชาร์จ (ป้องกันการชาร์จเกิน) และไม่ลดต่ำเกินไปขณะคายประจุ (ป้องกันการใช้งานจนแบตเตอรี่ต่ำกว่าค่าที่กำหนด) ถ้าเซลล์ใดแรงดันสูงเกินไป BMS จะตัดการชาร์จเข้า และถ้าต่ำเกินไปก็จะตัดการจ่ายไฟออกไปยังเครื่องมือ
- สมดุลแรงดันระหว่างเซลล์ (Cell Balancing): ในขณะชาร์จ วงจรจะคอยปรับสมดุลให้เซลล์ทุกก้อนมีแรงดันใกล้เคียงกัน ไม่ให้ก้อนใดก้อนหนึ่งชาร์จเต็มก่อนแล้วแรงดันเกิน ส่วนก้อนอื่นยังไม่เต็ม (ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้) วงจร BMS มักมีโหลดหรือทรานซิสเตอร์สำหรับ บาลานซ์ แรงดันเซลล์ให้เท่ากันเมื่อใกล้เต็ม

- วัดกระแสและควบคุมการจ่ายไฟ : BMS จะมีเซ็นเซอร์วัดกระแสหรืออาศัยค่าแรงดันตกคร่อมในวงจรเพื่อตรวจสอบว่ากระแสไฟที่เครื่องมือดึงออกไปอยู่ในระดับที่ปลอดภัยหรือไม่ หากมีกระแสไหลออกสูงเกินค่าที่กำหนด (เช่น มอเตอร์ติดขัดจนกระแสพุ่งสูงผิดปกติ) วงจรจะสั่ง ตัดการจ่ายไฟ ทันที เพื่อป้องกันความร้อนสะสมและความเสียหายที่จะเกิดกับเซลล์แบตเตอรี่หรือเครื่องมือ นอกจากนี้ยังป้องกันการจ่ายกระแสเกินในกรณีลัดวงจรได้ด้วย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้หรือแบตเตอรี่อุณหภูมิสูงเกิน
- วัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor) : โดยจะมีการติดตั้งเทอร์มิสเตอร์ (ตัวต้านทานแปรผันตามอุณหภูมิ) ไว้ใกล้ชุดเซลล์ เพื่อวัดอุณหภูมิภายในแบตเตอรี่ หาก BMS ตรวจพบว่าอุณหภูมิสูงเกินค่าที่ปลอดภัย (เช่น แบตเตอรี่ร้อนจัดจากการใช้งานหนักหรือความผิดปกติ) ก็จะสั่งตัดการจ่ายไฟหรือหยุดการชาร์จเข้าเช่นกัน เป็นการ ป้องกันความร้อนเกิน และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากแบตเตอรี่ร้อนจัด
ขั้วต่อและการสื่อสารกับเครื่องมือ/แท่นชาร์จ
ยกตัวอย่าง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน PUMPKIN 20V จะมีขั้วต่อหลักเป็น ขั้วบวก (B+) และขั้วลบ (B-) สำหรับจ่ายไฟให้เครื่องมือโดยตรง พร้อมด้วย ขั้วเสริม อีก 1-2 จุดที่ใช้ในการสื่อสารกับแท่นชาร์จหรือใช้ตรวจวัดอุณหภูมิ ในระบบของ PUMPKIN อาจมีขั้วเทอร์มินัลสำหรับต่อกับเทอร์มิสเตอร์ (ให้แท่นชาร์ครับรู้ว่าแบตเย็นพอที่จะชาร์จหรือไม่) และขั้วสัญญาณระบุชนิดแบตเตอรี่/สถานะ (ID) เพื่อให้แท่นชาร์จปรับกระแสชาร์จที่เหมาะสม วงจร BMS จะทำงานร่วมกับแท่นชาร์จอย่างประสานกัน เช่น เมื่อชาร์จเต็ม BMS จะตัดไฟเข้าและแท่นชาร์จจะรับรู้สถานะและหยุดจ่ายไฟ
หรือหากแบตอุณหภูมิสูงเกิน แท่นชาร์จจะรอจนกว่าจะเย็นลงแล้วค่อยชาร์จต่อ นอกจากนี้ตัวแบตเตอรี่เองยังมีปุ่มและไฟ LED แสดงระดับความจุคงเหลือ (Fuel Gauge) ที่ผู้ใช้กดเช็คได้ทั้งขณะใช้งานและชาร์จไฟ โดยวงจรภายในจะแปลงแรงดันคงเหลือเป็นระดับขีดไฟ LED บอกสถานะแบตให้ทราบอย่างสะดวก (เช่น PUMPKIN P20 มีปุ่มเช็คระดับแบตเตอรี่ได้ทั้งขณะใช้งานและชาร์จ
โครงสร้างทางกายภาพและวัสดุ
สำหรับตัวกล่องแบตเตอรี่ 20V แบรนด์ PUMPKIN ผลิตจากพลาสติกวิศวกรรมคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทานต่อการตกหล่นหรือกระแทก ซึ่งออกแบบให้เข้ากับเครื่องมือในซีรีส์ Infinity Power P20 พอดี มีตัวล็อกแน่นหนาแต่ง่ายต่อการถอดเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีช่องระบายอากาศหรือวัสดุช่วยกระจายความร้อนภายในเพื่อรักษาอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปในขณะใช้งานหนัก ภายในตัวกล่องมีฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติม ในกรณีที่กระแสสูงเกินหรืออุณหภูมิสูงผิดปกติเป็นเวลานาน วงจรเหล่านี้จะทำงานเป็นด่านสุดท้ายในการตัดการเชื่อมต่อของเซลล์
โดยสรุป โครงสร้างภายในของแบตเตอรี่ Li-ion 20V ของ PUMPKIN ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด ผสมผสานระหว่างเซลล์แบตเตอรี่สมรรถนะสูงกับระบบวงจรป้องกันอัจฉริยะ ทำให้แบตเตอรี่สามารถจ่ายพลังงานได้เต็มที่ ควบคู่กับความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ว่า แบตเตอรี่ Li-ion ต้องมีวงจรป้องกันเพื่อความปลอดภัย เสมอ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้ PUMPKIN ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก จึงติดตั้งระบบป้องกันครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดไฟเมื่อกระแสเกิน การป้องกันชาร์จไฟเกิน และการควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งท่านสามารถอ่านรายละเอียดด้านความปลอดภัยในการใช้งานแบตเตอรี่โดยละเอียดได้ จาก บทความ ใช้งานและเก็บรักษาแบตเตอรี่เครื่องมือไร้สายอย่างไรให้ปลอดภัย บทความนี้มีคำตอบ

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แพลตฟอร์มเดียว ใช้กับเครื่องมือไร้สายหลายชนิดได้อย่างไร
หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20V จาก PUMPKIN คือ ระบบแบตเตอรี่แพลตฟอร์มเดียวที่เรียกว่า “Infinity Power Share 20V” หมายความว่าเครื่องมือไร้สายทุกประเภทของ PUMPKIN ในซีรีส์แรงดัน 20V สามารถใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนร่วมกันได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสว่านไขควงไฟฟ้า เลื่อยวงเดือน เครื่องเจียร เลื่อยไฟฟ้า เครื่องเป่าลม หรือแม้แต่เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เป็นต้น โดยใช้แบตเตอรี่ก้อนเดียวกันสลับเปลี่ยนหมุนเวียนได้อย่างสะดวก
หลักการของระบบแบตเตอรี่แพลตฟอร์ม (Battery Platform) PUMPKIN ได้ออกแบบเครื่องมือในตระกูล Infinity Power Share ให้มีช่องเสียบแบตเตอรี่รูปแบบเดียวกันและวงจรไฟฟ้าที่รองรับแรงดัน 20V เท่ากัน แบตเตอรี่ P20 ของ PUMPKIN จึงสามารถนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องมือรุ่นใดก็ได้ของพัมคินที่อยู่ในซีรีส์ Infinity Power P20 ด้วยกัน ไม่จำกัดประเภทเครื่องมือ
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20V รุ่น P20 ความจุ 2.0Ah อยู่ 2 ก้อน คุณสามารถใช้มันกับสว่านไร้สาย เลื่อยชักไร้สาย และเครื่องเป่าลมไร้สาย แบรนด์ PUMPKIN ได้ทั้งหมด เพียงถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องมือชิ้นหนึ่งแล้วนำไปเสียบใช้งานกับอีกชิ้นหนึ่ง เป็นการลงทุนครั้งเดียวใช้ได้คุ้มค่ากับหลายอุปกรณ์
ข้อดีของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแพลตฟอร์มเดียว
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องซื้อแบตเตอรี่แยกให้กับเครื่องมือทุกชิ้น ลดค่าใช้จ่ายโดยรวมลงได้มาก แบตเตอรี่ 1-2 ก้อนที่มีอยู่สามารถหมุนเวียนใช้งานได้กับเครื่องมือทุกตัวในชุดเครื่องมือไร้สายที่คุณมี
- ใช้งานต่อเนื่องไม่สะดุด: เมื่อแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งหมด ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนเอาอีกก้อนที่ชาร์จเต็มไว้แล้วมาใส่แทนได้ทันที เครื่องมือก็พร้อมทำงานต่อ ไม่ต้องรอชาร์จแบตจนครบ นอกจากนี้ PUMPKIN ยังมีแท่นชาร์จแบบ ชาร์จคู่ (Dual Port Charger) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่สองก้อนไปพร้อมกันได้ เพื่อเตรียมแบตฯ สำรองไว้สับเปลี่ยนใช้งานต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น
- ความสะดวกและคล่องตัว: การออกแบบทุกเครื่องมือให้ใช้แบตเตอรี่รุ่นเดียวกัน ทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดวกขึ้นมาก ผู้ใช้ไม่สับสนว่าก้อนไหนใช้กับเครื่องมือรุ่นใด ไม่มีปัญหาแบตเตอรี่หลายชนิดหลายแรงดันเกะกะพื้นที่เก็บ เครื่องมือแต่ละตัวไม่มีสายไฟให้รำคาญใจ เพียงเตรียมแบตเตอรี่พร้อมชาร์จไว้ ก็หยิบเครื่องมือไปทำงาน ณ ที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว (ไม่ว่าจะเป็นงานนอกสถานที่ หรือที่สูงที่ห่างจากปลั๊กไฟ)
- รองรับเครื่องมือจำนวนมาก: PUMPKIN ได้พัฒนาเครื่องมือไร้สายที่ใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ P20 อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเครื่องมือในระบบนี้ให้เลือกมากกว่า 300 รายการ เลยทีเดียว ครอบคลุมงานช่างแทบทุกรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องมือช่างพื้นฐาน เช่น สว่าน ไขควง เลื่อย จนถึงเครื่องมือเฉพาะทางอย่างปืนยิงตะปูไฟฟ้า เครื่องตัดแต่งพุ่มไม้ หรือแม้กระทั่งพัดลมไร้สาย ทั้งหมดนี้ใช้แบตเตอรี่ 20V ร่วมกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถขยายชุดเครื่องมือของตนเองได้ง่ายดาย ในราคาที่เข้าถึงได้ (เพราะสามารถเลือกซื้อเฉพาะตัวเครื่อง แบบไม่รวมแบตเตอรี่ ซึ่งราคาถูกกว่า และนำแบตที่มีอยู่แล้วมาใช้ได้ทันที)
ระบบ Infinity Power Share ของ PUMPKIN ให้ทั้งความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นแก่ช่างมืออาชีพและผู้ใช้งานทั่วไป โดยคุณภาพของแบตเตอรี่ก็ยังคงมาตรฐานสูง ไม่ใช่การลดต้นทุนจนคุณภาพด้อยลงแต่อย่างใด เพราะแบตเตอรี่ PUMPKIN ทุกก้อนผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก. รองรับอยู่แล้ว ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่ว่าจะนำแบตเตอรี่ไปใช้กับเครื่องมือชนิดใดก็ตาม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20V ของ PUMPKIN นับเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องมือช่างไร้สายยุคใหม่ ด้วยข้อดีด้านประสิทธิภาพที่เหนือกว่าแบตเตอรี่รุ่นเก่าอย่างชัดเจน ทั้งความสามารถในการจุพลังงานสูง น้ำหนักเบา ไม่มีเอฟเฟกต์หน่วยความจำ และอัตราคลายประจุที่ต่ำ จึงตอบโจทย์งานช่างที่ต้องการความคล่องตัวและพลังงานต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ PUMPKIN ยังสร้างความแตกต่างด้วยระบบ Infinity Power Share ที่แบตเตอรี่ก้อนเดียวสามารถใช้ขับเคลื่อนเครื่องมือได้กว่า 300 ชนิดในซีรีส์ 20V เดียวกัน ช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ผู้ใช้เป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นแล้ว แบตเตอรี่ 20V ทุกก้อนจาก PUMPKIN ยังผ่านการผลิตและควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เลขที่ 2217-2548 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเซลล์และแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมที่กำหนดในประเทศไทย ผู้ใช้งานจึงวางใจได้ในด้านความปลอดภัย และเพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยยิ่งขึ้น ภายในแบตเตอรี่ยังติดตั้งระบบป้องกันอัจฉริยะครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นวงจรตัดการจ่ายไฟอัตโนมัติเมื่อมีกระแสเกินหรือลัดวงจร, เซ็นเซอร์ตรวจจับและป้องกันความร้อนสะสม, รวมถึงการป้องกันการชาร์จไฟเกินจนเกินค่าที่กำหนด ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบ จึงไม่เกิดการชาร์จไฟเกินหรือดึงกระแสเกินจนทำอันตรายต่อแบตเตอรี่หรือเครื่องมือ
หากคุณกำลังมองหาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องมือไร้สายโดยเฉพาะ ผสานพลังงานประสิทธิภาพเข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลและระดับประเทศ ผู้ใช้สามารถใช้งานเครื่องมือช่างได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่องยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นงานซ่อมแซมทั่วไปหรือโปรเจ็กต์งานช่างมืออาชีพ เมื่อเลือกใช้เครื่องมือและแบตเตอรี่ PUMPKIN คุณกำลังเลือกทั้งประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน