ไขควงไฟฟ้าเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งกับช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างประกอบ รวมไปถึงการใช้งานทั่วไปในบ้าน ทั้งงานขัน คลายนอต หลักการทำงานของไขควงไฟฟ้าทั้งแบบมีสายและไร้สาย ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก สว่านไขควงไฟฟ้าวิธีการใช้งานเหมือนกับไขควงธรรมดา ความแตกต่างคือผู้ใช้ไม่ต้องออกแรงหมุนแต่เป็นการหมุนด้วยมอเตอร์แทน การใช้สว่านไขควงจึงทำให้ผู้ใช้ขันได้ง่ายขึ้นและประหยัดแรงนั่นเอง
สำหรับหลายท่านที่อาจจะมีสว่านหรือสว่านไร้สายติดบ้านอยู่แล้ว และอาจจะใช้งานสว่านทั้งงานเจาะและงานขัน ก็ไม่ใช่การใช้งานที่ผิด แต่เราสามารถใช้เครื่องมือทำงานให้ตรงประเภท สว่านและสว่านกระแทกสำหรับงานเจาะ และการใช้ไขควงไฟฟ้าหรือไขควงไฟฟ้าไร้สายสำหรับงานขัน เพราะไขควงไฟฟ้านั้นปรับตั้งแรงบิดให้เหมาะสมกับงานขันได้ หากแรงบิดที่ตัวสกรูกระทำต่อไขควงถึงระดับที่ตั้งไว้ หัวไขควงจะหมุนฟรีทำให้หัวสกรูไม่ได้รับความเสียหาย เสียหาย ส่วนสว่านที่ออกแบบมาสำหรับการเจาะจะหมุนด้วยรอบที่สูงมาก จึงไม่เหมาะกับการขันสกรู
ความแตกต่างของสว่านไฟฟ้าและไขควงไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องของความเร็วรอบและแรงบิดที่ออกแบบมาเพื่อลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันนั่นเอง แรงบิดของสว่านจะน้อยกว่าแรงบิดของไขควงไฟฟ้า เพราะว่าเมื่อสว่านเจาะเข้าไปแล้วอาจจะเจอเข้ากับวัตุอื่นที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการ kickback หรือเกิดการสะบัดนั้นเอง แต่พอพูดถึงเรื่องความเร็วนั้น ความเร็วสว่านจะมากกว่าความเร็วของไขควงกระแทก เพราะว่า ไขควงกระแทกนั้นจะต้องใช้แรงบิดในการขันสกูรให้แน่น
แล้ว ทอร์ค (Torque) หรือแรงบิดคืออะไร?
ทอร์คคือปริมาณที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงการหมุน หรือแรงที่พยายามทำให้วัตถุหมุน แรงทอร์กที่เราสร้างด้วยตัวเองนั้น พบเห็นในชีวิตประจำวันในรูปแบบของการที่เราใช้ไขควงขันนอต การใช้ประแจหมุนขันนอต โดยหน่วยของแรงบิดมีดังนี้
ฟุต-ปอนด์ คือ ความยาวของรัศมีการหมุน ที่มีแรงผลัก 1 ปอนด์
นิวตัน-เมตร คือ แรงผลักในหน่วย นิวตัน ที่รัศมีการหมุน 1 เมตร
กิโลกรัม-เมตร คือแรงผลักในหน่วย กิโลกรัม ที่รัศมีการหมุน 1 เมตร
สำหรับเครื่องมือช่างอย่างสว่านไร้สาย หรือไขควงไร้สาย เราจะพบว่ามีส่วนของการตั้งแรงบิดได้หลายระดับ ซึ่งไขควงไฟฟ้ามีตั้งแต่ย่านแรงบิดต่ำจนถึงแรงบิดสูงที่เหมาะกับงานแต่ละประเภท ซึ่งค่าแรงบิดเหล่านี้ต้องตั้งให้พอดี เพราะหากตั้งแรงบิดที่น้อยเกินไป ก็อาจขันสกรูไม่ออก ระบบครัตช์ทำงานจนสว่านฟรี ขันต่อไม่ได้ แต่ถ้าตั้งแรงบิดมากเกินไป (over-torqued) ก็อาจทำให้ชิ้นงานที่คุณขันเกิดความเสียหาย หรือหัวสกรูอาจจะรูดได้
เครื่องมือช่างที่เราคุ้นเคยอย่างสว่าน หรือสว่านไร้สาย ก็สามารถปรับแรงบิดในการใช้ขันได้เหมือนกัน หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมยังจะต้องมีไขควงไฟฟ้าไร้สาย การใช้สว่านเป็นไขควง ต้องใช้แรงกดช่วยพอสมควร ซึ่งไขควงไร้สายเราใช้มือประคอง ใช้แรงน้อยกว่า และไขควงไร้สายจะมีระบบช่วยเมื่อเครื่องขันจนถึงจุดที่เริ่มตึงแล้ว บางรุ่นยังสามารถใช้แรงมือขันต่อเองได้ด้วย
ทิปเด็ดเคล็ดลับในการเลือกไขควงไร้สายที่ควรคำนึงถึง
มอเตอร์ใหญ่ มอเตอร์เล็กมีผลต่อแรงบิด แต่หากมอเตอร์ใหญ่เกินไป ก็อาจทำให้เครื่องใหญ่ เทอะทะ จับไม่สะดวก ไม่คล่องมือ
เลือกโดยพิจารณาจากแรงบิดในการขันสกรู : แรงบิดในการขันถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ควรคำนึงถึงในการเลือกไขควงไฟฟ้า โดยเฉพาะสำหรับช่างที่ต้องขันสกรูบนพื้นผิวที่ต่างกัน แรงบิดที่มากจะช่วยให้การขันสกรูบนวัสดุแข็งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และควรเลือกไขควงไฟฟ้าที่สามารถปรับแรงบิดได้หลายระดับเพื่อการขัน-ถอน ที่ต้องใช้แรงบิดแตกต่างกันไป สำหรับไขควงไฟฟ้าไร้สาย 4.0V ของพัมคินนั้น สามารถปรับตั้งแรงบิดได้ถึง 15+1 ระดับเลยทีเดียว
ความแข็งแรงของชุดเกียร์ด้านหน้าเครื่อง ให้เราลองทดสอบง่าย ๆ ว่าถ้าลองขันจนฟรีแล้ว สามารถใช้มือขันต่อได้หรือไม่
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ สำหรับไขควงไฟฟ้าไร้สาย 4.0V ของพัมคินสามารถปรับรูปทรงของเครื่องเป็นแบบตรงและแบบ 90 องศา รองรับทุกรูปแบบการจับเพื่อขัน ยืดหยุ่นในด้านการใช้งาน
อุปกรณ์เสริมเพื่อการทำงานในที่แคบ สำหรับไขควงไฟฟ้าไร้สาย 4.0V ของพัมคิน ในรหัสสินค้า 50331 มีอุปกรณ์เสริมมาให้ 45 ตัว รวมถึงสายอ่อนสำหรับการขันในที่แคบได้สะดวกยิ่งขึ้น
ฟังก์ชั่นอื่น ๆ เช่น ความยาก/ง่าย ของการเปลี่ยนดอกสว่าน การมีไฟส่องสว่างสำหรับขันในที่มิด ยางหุ้มที่ตัวเครื่องทำให้จับกระชับมือและกันลื่น
การดูแลรักษาไขควงไฟฟ้าเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน
ก่อนใช้งานไขควงฟ้าควรตรวจเช็คอุปกรณ์ก่อนทุกครั้ง ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ทั้งตัวเครื่องและสายไฟ หากเป็นรุ่นไร้สายควรตรวจสอบว่าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่
ทำความสะอาดไขควงไฟฟ้าไร้สายหลังการใช้งาน โดยเช็ดทำความสะอาด ใช้แปรงขนอ่อนกำจัดฝุ่นละอองที่ติดตามซอก ข้อต่อต่าง ๆ ไม่ควรใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรงในการเช็ดเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องได้
เก็บเครื่องมือไว้ในที่แห้ง ห่างไกลจากความชื้นและความร้อน