แชร์ไปที่

ส่องเครื่องสูบลมยางไร้สายไอเทมเด็ดต้องมีติดรถ

ยางรั่วหรือยางแบนเป็นหนึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผู้ขับขี่รถยนต์อาจต้องเผชิญได้บ่อยครั้ง การรู้วิธีรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถป้องกันหรือจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม 

ควรทำอย่างไรเมื่อรถยางรั่ว ยางแบน ในระหว่างขับขี่

ควรทำอย่างไรเมื่อรถยางรั่ว ยางแบน ในระหว่างขับขี่

เมื่อพบว่ารถยนต์มียางรั่วหรือยางแบนในระหว่างการขับขี่ จะต้องดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ลดความเร็ว : ปรับลดความเร็วของรถลงอย่างปลอดภัยทันที หลีกเลี่ยงการหยุดรถกะทันหันหรือเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมรถและลดแรงกระแทก ซึ่งจะช่วยควบคุมรถได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์ที่มีปัญหายางรั่วหรือยางแบน

  • หาที่ปลอดภัย : ถ้าเป็นไปได้ ขับรถไปยังที่จอดรถหรือที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม

  • เปลี่ยนยาง : เปลี่ยนยางโดยใช้ยางสำรอง (spare tire) ที่มีอยู่ในรถ แต่ต้องระวังว่ายางสำรองนั้นต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานด้วย โดยจะต้องตรวจสอบยางทุกด้าน และควรใช้ยางสำรองเป็นระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น ควรนำรถไปที่อู่เพื่อตรวจเช็กและเปลี่ยนยางที่เสียทันที

  • โทรหาบริการช่วยเหลือ : ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนยางเอง หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ให้โทรหาบริการช่วยเหลือหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

รถยางรั่ว ยางแบน ขับต่อได้ไหม

การขับรถที่มียางรั่วหรือยางแบนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะทำให้ยากต่อการควบคุมรถโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนเลนหรือเมื่อขับผ่านทางโค้ง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้การขับต่อด้วยยางที่ไม่มีลมหรือแบนจะทำให้ยางเสียหายอย่างถาวร ทำให้คุณต้องเปลี่ยนยางใหม่แทนที่จะแค่ซ่อมแซม รวมถึงอาจทำให้เกิดความเสียหายกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถ เช่น ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนอีกด้วย

ปัญหายางแบนเกิดขึ้นได้เสมอในขณะขับขี่ หากคุณขับรถอยู่ในพื้นที่ห่างไหลที่อาจจะหาปั๊มน้ำมันยากก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ซึ่งพัมคินอาสาแก้ปัญหาให้คุณด้วยไอเทมสุดอเนกประสงค์ เครื่องสูบลมยางไร้สาย รุ่น INF-15TF

ขุมกำลัง INFINITY POWER SHARE 20V

เนื่องจากเครื่องเติมลม 20V รุ่นนี้ เป็นสินค้าในซีรีส์ Infinity Power Share จึงสามารถใช้งานร่วมกับแบตเตอรี่ได้ทั้งรุ่น P20 และ E20 ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ทางพัมคินพิถีพิถันในการผลิต การเลือกแหล่งจ่ายพลังงานที่มีคุณภาพ ซึ่งทำให้สามารถใช้งานกับตัวเครื่องได้อย่างเสถียร ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญคือสามารถนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องมือรุ่นใดก็ได้ของพัมคินที่อยู่ในซีวีส์ finity Power P20 ด้วยกัน นอกจากนั้นยังสามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัยเพราะมีระบบ overcharge
ขออนุญาตแทรกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่กันสักนิด สิ่งที่ทำให้แบตเตอรี่แต่ละก้อนแตกต่างมีด้วยกันอยู่สองส่วนใหญ่ ๆ คือ แอมป์ (Amps หรือตัวย่อ Ah ) คือปริมาณอัตราการไหลของกระแสไฟฟ้า สำหรับเครื่องมือไฟฟ้าที่ต้องใช้กำลังในการทำงานสูงก็ควรมีกระแสไฟที่ไหลได้ปริมาณสูง โดยแบตเตอรี่แต่ละก้อนจะบอกค่าแอมป์ไว้เสมอ แต่จะบอกเป็นหน่วยต่อชั่วโมงซึ่งเราเรียกกันติดปากว่าแอมป์อาว (Ah) ในปัจจุบันพัมคินมีแบตเตอรี่ 3 ขนาด 2.0 Ah , 4.0 Ah และ 5.0 Ah

ส่วนโวลต์ (Volts หรือตัวย่อ V) เป็นปริมาณแรงดันของไฟฟ้าที่ไหนไปตามวงจร โดยปกติแล้วค่า V จะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับสเปคเครื่องมือที่ใช้งาน ยิ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ยิ่งต้องใช้ V ที่สูง

นอกจากใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แล้ว ยังสามารถต่อกับอะแดปเตอร์สำหรับเสียบใช้ไฟในที่จุดบุหรี่รถยนต์ได้ โดยสลับการใช้งานได้อย่างง่ายดาย

เติมลมไว ให้แรงดันสูง เติมรถใหญ่ได้สบาย

ทำแรงดันได้สูงสุด 150 PSI และสามารถปรับแรงดันได้ตามต้องการ อัตราการไหลของลม 25L/min เติมลมได้ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ไปจนถึงรถบรรทุก 

มีหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล ใช้งานง่าย นอกจากนั้นยังสามารถเลือกอ่านค่าแรงดันได้ 4 แบบ คือ PSI, Bar, KPA, KG/ CM2  และมีฟังก์ชั่นหยุดอัตโนมัติเมื่อแรงดันในล้อถึงตามที่ต้องการ

มาพร้อมด้วยหัวฉีดเติมลม 4 แบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เติมลมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยานเสือภูเขา ลูกบอล ของเล่นเติมลม สระน้ำแบบเป่าลม เรือคายัค ฯลฯ โดยจะมีที่เก็บชุดหัวฉีดลมในตัว 

เติมลมยางเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

ปริมาณแรงดันลมยางสามารถดูได้ที่ตำแหน่งข้างประตูคนขับ โดยทางผู้ผลิตจะมีสติกเกอร์แปะเอาไว้เพื่อบอกแรงดันลมยางที่เหมาะสมกับรถคันนั้น ๆ ซึ่งหน่วยของแรงดันลมยางในประเทศไทย จะเรียกว่า PSI หรือ Pound per Square inches (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เป็นหน่วยมาตรฐานในเครื่องสูบลมยางไร้สาย รุ่น INF-15TF

เทคนิคการเติมลมยางเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย

  1. ควรการเติมลมยางรถยนต์ให้เท่ากันหมดทั้งสี่ล้อ เพื่อลดความเสี่ยงที่ยางจะสึกหรอไม่เท่ากัน อันทำให้เกิดการไม่สมดุลในการรับน้ำหนัก และทำให้การควบคุมรถยนต์ทำได้ยากกว่าที่ควร

  2. หลังการเติมลมยาง ควรดูลักษณะการบวมของยางด้วยตาเปล่าอีกครั้ง หากด้านหน้ายาง ส่วนดอกยางและร่องยางที่สัมผัสกับพื้นมีความนูนออกมาจากพื้นมาก จะเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดเนื่องจากมีการสึกหรอส่วนกลางของยางมากกว่าปกติ

  3. หากต้องมีการบรรทุกคนงานหรือสิ่งของจำนวนมากเพื่อการทำธุรกิจ เช่น ผัก ผลไม้ กระถาง ต้นไม้ ฯลฯ เพื่อการค้าขาย ควรเติมลมยางให้เพิ่มขึ้นข้างละ 2 ถึง 3 ปอนด์ ป้องกันลมยางอ่อนเกินไป แล้วทำให้เกิดการกินหน้ายางด้านข้าง และเสี่ยงต่อการเกิดรอยที่ยางแล้วทำให้ยางรั่วแตกได้ง่าย

  4. การเติมลมยางรถยนต์ตามที่คู่มือระบุจะช่วยให้ยางรถไม่แข็งเกินไป ช่วยให้หน้ายางสามารถยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดีขึ้น จึงปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น

  5. ในช่วงที่มีฝนตกบ่อย ๆ ควรปรับลมยางให้มีความอ่อนลงเล็กน้อย 2 ถึง 3 ปอนด์ เพื่อให้หน้ายางสามารถมีพื้นที่ผิวระหว่างดอกยาง ร่องยางกับพื้นถนนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การรีดน้ำจากหน้ายางสมบูรณ์แบบขึ้น ลดอุบัติภัยจากการลื่นไถลชนรถคันอื่น หรือตกถนนได้

ลมยางล้อรถยนต์นั้นมีผลต่อการขับขี่ ทั้งสมรรถนะของรถ และที่สำคัญที่สุดคือเหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เพราะฉะนั้นควรหมั่นเช็คลมยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เติมลมยางให้เหมาะสม และมีไอเทมดี ๆ ที่ทำให้คุณเติมลมยางได้ทุกที่ ก็จะทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies)
Pumpkin ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

บริษัท พัมคิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (“บริษัท”) เก็บข้อมูลของท่านเพื่อใช้ในการสั่งซื้อสินค้และรับประกันสินค้า และขอความยินยอมในการนำข้อมูลไปใช้ทางการตลาด โดยท่านสามารถดูรายละเอียดข้อมูลที่เก็บ ระยะเวลาการเก็บ การใช้สิทธิเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรืออื่นๆ และข้อมูลการติดต่อได้ที่รายละเอียด (กดดูรายละเอียด)

0
No products in the cart.