เลื่อยจิ๊กซอ (Jigsaw) เป็นเครื่องมือสำหรับการตัดวัสดุที่มีรูปทรงโค้งหรือซับซ้อน เช่น การตัดไม้, พลาสติก, โลหะ หรือกระเบื้อง โดยที่ใบเลื่อยของจิ๊กซอจะทำงานในลักษณะการเคลื่อนไหวขึ้น-ลง (แบบแกว่ง) ทำให้สามารถตัดรูปร่างที่มีความละเอียดซับซ้อนได้
ความแตกต่างระหว่างเลื่อยจิ๊กซอและเลื่อยทั่วไป (เช่น เลื่อยมือ, เลื่อยวงเดือน)
การเคลื่อนไหวของใบเลื่อย:
เลื่อยจิ๊กซอ: ใบเลื่อยจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลง ในลักษณะแกว่ง (บริเวณที่ใบเลื่อยสัมผัสกับวัสดุจะสั่นและตัดไปตามเส้นทางที่ต้องการ)
เลื่อยทั่วไป: ใบเลื่อยมักจะหมุนรอบในลักษณะวงกลม (เช่น เลื่อยวงเดือน) หรือมีการเคลื่อนไหวตรงไปตรงมา (เช่น เลื่อยมือ) ขึ้นอยู่กับประเภท
ลักษณะการตัด:
เลื่อยจิ๊กซอ: เหมาะสำหรับการตัดรูปร่างซับซ้อน เช่น การตัดโค้ง หรือการตัดวัสดุที่มีมุมต่างๆ
เลื่อยทั่วไป: เหมาะสำหรับการตัดเส้นตรงหรือการตัดวัสดุที่มีความหนาในลักษณะตรงไปตรงมา
ความสามารถในการควบคุม:
เลื่อยจิ๊กซอ: การตัดค่อนข้างแม่นยำและสามารถควบคุมได้ดีมากสำหรับการตัดที่มีรายละเอียด
เลื่อยทั่วไป: เหมาะสำหรับการตัดในงานที่ไม่ซับซ้อนหรือการตัดวัสดุที่มีความหนา
จุดเด่นของเลื่อยจิ๊กซอคือมีความสามารถในการตัดรูปร่างที่ซับซ้อนหรือโค้งงอได้ดี มีความโดดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่นในการตัด ไม่ว่าจะเป็นการตัด ไม่ว่าจะเป็นการตัดในแนวตรง แนวโค้ง หรือรูปทรงต่างๆ ทำให้เป็นที่นิยมในงานไม้ที่ต้องการความละเอียดอ่อน เช่น การทำเฟอร์นิเจอร์ การตัดแผ่นไม้อัด หรือการตกแต่งภายใน ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ง่ายต่อการควบคุม ทำให้ช่างสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกความสามารถในการทำงานไม้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นผู้ช่วยงานตัดชั้นดีสำหรับตัดพลาสติก เหล็ก อะลูมิเนียม และอื่น ๆ โดยสามารถเปลี่ยนใบเลื่อยเพื่อให้รองรับการใช้งานได้นั่นเอง
เลื่อยจิ๊กซอไร้สาย สะดวกสบาย ทำงานได้คล่องตัวกว่า
ถ้าคุณกำลังลังเลระหว่างการซื้อเลื่อยจิ๊กซอระหว่างแบบมีสาย กับแบบไร้สาย พัมคินรวบรวมข้อดีของเลื่อยจิ๊กซอไร้สายมาให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
เคลื่อนย้ายสะดวก: เนื่องจากไม่ต้องเชื่อมต่อกับสายไฟ เลื่อยจิ๊กซอไร้สายจึงสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ไม่สามารถหาปลั๊กไฟได้ หรือในสถานที่ที่ต้องเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ เช่น การทำงานในที่แคบหรือกลางแจ้ง
ใช้งานในพื้นที่ที่ไม่สะดวกเข้าถึงไฟฟ้า: เหมาะสำหรับงานนอกสถานที่ หรือในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าหรือไฟฟ้าไม่เสถียร
ความยืดหยุ่นสูง: เนื่องจากสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งจ่ายไฟฟ้า ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและไม่จำกัดระยะทางการเคลื่อนที่
ความปลอดภัย: การไม่ใช้สายไฟทำให้ลดความเสี่ยงจากการสะดุดหรือเกิดอุบัติเหตุจากการดึงสายไฟ นอกจากนี้ ยังลดความเสี่ยงจากการมีสายไฟหลุดหรือลัดวงจรระหว่างการใช้งาน
การควบคุมที่ดีขึ้น: ด้วยการออกแบบที่เบาและไม่มีสายไฟ เลื่อยจิ๊กซอไร้สายสามารถควบคุมได้ดีในขณะที่ใช้งาน ซึ่งทำให้การตัดมีความแม่นยำและสะดวก
ง่ายต่อการเก็บรักษา: เนื่องจากไม่มีสายไฟที่ยาว ทำให้เก็บรักษาและจัดเก็บง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกลัวสายไฟพันกันหรือมีพื้นที่เก็บเยอะ
ปัจจัยสำคัญในการเลือกเลื่อยจิ๊กซอไร้สาย
พลังงานแบตเตอรี่ (Voltage) พิจารณาความแรงของแบตเตอรี่หรือแรงดันไฟฟ้า (Volt) โดยปกติจะมีให้เลือกตั้งแต่ 12V, 18V, 20V ไปจนถึง 40V แบตเตอรี่ที่มีแรงดันสูงมักจะให้พลังงานที่มากขึ้น สามารถใช้งานได้ยาวนานและตัดวัสดุที่หนากว่า แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่และหนักขึ้น
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ (Battery Life) อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ควรได้รับการพิจารณา เพราะแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานจะช่วยให้การทำงานไม่สะดุด ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีฟังก์ชันการชาร์จเร็วหรือสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย หากต้องการใช้งานต่อเนื่อง
ขนาดและน้ำหนัก (Size & Weight) เลื่อยจิ๊กซอที่มีน้ำหนักเบาจะช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายและไม่ทำให้เมื่อยล้าหลังจากใช้งานเป็นเวลานาน ควรเลือกเครื่องที่มีขนาดพอดีมือและเหมาะสมกับงานที่คุณต้องการทำ หากต้องการใช้งานในพื้นที่แคบหรือทำงานยาวนาน ควรเลือกเครื่องที่มีน้ำหนักเบาและกระชับมือ
ความเร็วและการควบคุม (Speed & Control) เลื่อยจิ๊กซอที่ดีควรมีความเร็วที่ปรับได้ เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทของวัสดุที่กำลังตัด เช่น ความเร็วสูงสำหรับการตัดไม้ หรือความเร็วต่ำสำหรับการตัดวัสดุที่บอบบางควรมีระบบควบคุมความเร็วที่สามารถปรับได้ตามความต้องการและประเภทของงาน
ระบบการปรับมุมการตัด (Cutting Angle Adjustment) เลือกจิ๊กซอที่สามารถปรับมุมการตัดได้อย่างหลากหลาย (โดยปกติจะมีตั้งแต่ 0° ถึง 45°) เพื่อให้สามารถทำการตัดในมุมต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
การเปลี่ยนใบเลื่อย (Blade Change System) เลือกเครื่องที่มีระบบการเปลี่ยนใบเลื่อยที่สะดวกและรวดเร็ว เช่น ระบบ Tool-less ที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือในการเปลี่ยนใบเลื่อย ระบบนี้ช่วยให้สามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้ง่ายและรวดเร็วเมื่อจำเป็น
การลดการสั่นสะเทือน (Vibration Control) เลื่อยจิ๊กซอที่ดีควรมีระบบลดการสั่นสะเทือน ซึ่งช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายยิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้าของมือและแขน ระบบนี้ยังช่วยให้การตัดมีความแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
คุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น ไฟ LED: ช่วยให้มองเห็นพื้นที่ทำงานได้ดีในที่มืด, ระบบดูดฝุ่น: บางรุ่นมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อกับระบบดูดฝุ่นเพื่อให้พื้นที่ทำงานสะอาด และลดฝุ่นที่อาจเป็นอันตราย , ความสามารถในการกันน้ำหรือทนทาน: เลือกรุ่นที่ทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจจะมีฝุ่นหรือน้ำ
การเลือกใบเลื่อยจิ๊กซอก็มีความสำคัญ
ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ (Jigsaw blade) คือ อุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการตัดวัสดุต่าง ๆ โดยมักใช้กับเครื่องเลื่อยจิ๊กซอ มักจะทำจากวัสดุที่แข็งแรงเช่น เหล็กคาร์บอน, อะลูมิเนียม, หรือวัสดุที่ทนทานต่อการตัด เช่น ไม้หรือพลาสติก โดยใบเลื่อยจิ๊กซอว์จะมีลักษณะฟันตัดที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานตัดที่ต้องการ โดยนอกจากการเลือกวัสดุที่ใช้ผลิตใบเลื่อยจิ๊กซอแล้ว ควร พิจารณาจากค่า Tooth Per Inch หรือ TPI หรือจำนวนฟันต่อนิ้วอีกด้วย โดยมีหลักการเลือกดังนี้
ค่า TPI ต่ำ (ต่ำกว่า 10 TPI)
เหมาะกับวัสดุหนาหรือแข็ง เช่น ไม้หนา, พลาสติกหนา, โลหะบาง หรือวัสดุที่มีความหนาและทนทาน
ข้อดี: ตัดได้เร็วกว่า เพราะฟันใบเลื่อยมีระยะห่างกันมาก ทำให้วัสดุสามารถหลุดออกได้ง่าย
ข้อเสีย: การตัดอาจจะไม่ละเอียดและไม่เรียบเนียนเท่ากับใบเลื่อยที่มี TPI สูง
การใช้งาน: ใช้สำหรับงานที่ต้องการความเร็วในการตัด เช่น การตัดวัสดุหนา, การตัดรูปร่างใหญ่
ค่า TPI ปานกลาง (10–24 TPI)
เหมาะกับวัสดุที่มีความบาง เช่น ไม้บาง, แผ่นไม้อัด, กระเบื้อง, พลาสติกบาง, หรือโลหะบาง
ข้อดี: ให้การตัดที่มีความสมดุลระหว่างความเร็วและความละเอียด
ข้อเสีย: อาจจะไม่ได้ผลดีในวัสดุที่หนาหรือแข็งเกินไป
การใช้งาน: เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องตัดละเอียดมากนัก เช่น การตัดแผ่นไม้บางๆ หรือวัสดุที่ไม่หนามาก
ค่า TPI สูง (มากกว่า 24 TPI)
เหมาะกับวัสดุบางหรือที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การตัดไม้บางๆ, งานไม้ที่ต้องการความละเอียดสูง, หรือวัสดุที่อ่อนเช่น แผ่นพลาสติกบาง, แก้ว, หรือโลหะบาง
ข้อดี: ให้การตัดที่ละเอียดและเรียบร้อยมากขึ้น ผิวตัดจะเรียบกว่าและมีความแม่นยำสูง
ข้อเสีย: การตัดจะช้ากว่าเพราะฟันใบเลื่อยมีระยะห่างกันน้อย ทำให้ตัดช้ากว่าและมีการสะสมเศษวัสดุมากขึ้น
การใช้งาน: ใช้สำหรับงานที่ต้องการการตัดละเอียดและแม่นยำ เช่น การตัดแผ่นไม้บาง, การตัดวัสดุที่ละเอียด