ดอกสว่าน เป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งของเครื่องมือช่างที่ต้องมี ซึ่งใช้ทำหน้าที่กัดเจาะเนื้อวัสดุต่างๆออกมาเป็นรู เพื่อที่เราจะได้ใช้รูในการจับยึด หรือ ตอกตะปู หรือ ใส่พุกเพื่อขันน็อตหรือสกรู และยึดน็อตได้สะดวก และ หลักการง่ายๆในการเลือกก็คือ วัสดุที่ถูกเจาะต้องอ่อนกว่าวัสดุทำดอกสว่านเสมอ
ดอกสว่านในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายขนาด และหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ งานเหล็ก งานปูน งานคอนกรีต ดังนั้นการเลือกซื้อดอกสว่านมาใช้งาน ต้องรู้ไว้ด้วยว่าจะนำดอกสว่านไปใช้กับงานอะไร สำหรับดอกสว่านเองนั้นก็ไม่สามารถจะเจาะวัสดุต่างๆ ได้แต่จะต้องใช้งานควบคู่ไปกับสว่านเสมอ โดยตัวสว่านจะทำหน้าที่ยึดจับดอกสว่านไม่ให้สะบัดในขณะใช้งาน ซึ่งแบ่งประเภทของดอกสว่านได้ 3 ประเภท ดังนี้
ดอกสว่านเจาะไม้ มีลักษณะส่วนปลายแหลมมีหัวเกสรช่วยในการนำศูนย์ ปลายดอกจะคล้ายหางปลา ลดการแกว่ง เป็นดอกสว่านที่ใช้สำหรับเจาะไม้ที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยขนาดที่นิยมใช้กันทั่วไป คือ ขนาด 5, 6 หรือ 8 มิลลิเมตร ดอกสว่านเจาะไม้ผลิตจากเหล็กคาร์บอนต่ำ ทำให้ไม่สามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้มากนัก มีหลายประเภท เช่น
ดอกสว่านเกลียว (Brad Point Bit) – เจาะแม่นยำ ปลายมีเข็มนำศูนย์กลาง
ดอกสว่านฟอร์สเนอร์ (Forstner Bit) – เจาะรูขนาดใหญ่ เรียบ ไม่แตก
ดอกสว่านใบพาย (Spade Bit/Paddle Bit) – เจาะรูขนาดใหญ่และลึก
ดอกสว่านเจาะบานพับถ้วย (Hinge Boring Bit) – ใช้ติดตั้งบานพับถ้วยเฟอร์นิเจอร์
ดอกสว่านเจาะโลหะ ใช้สำหรับเจาะเหล็ก อะลูมิเนียม สแตนเลส ทองเหลือง และโลหะอื่น ๆ มีหลายประเภท เช่น
ดอกสว่านไฮสปีด (HSS – High-Speed Steel) – นิยมใช้ทั่วไป ราคาประหยัด
ดอกสว่านเคลือบไทเทเนียม (Titanium Coated) – ทนความร้อนสูง เจาะเร็วขึ้น
ดอกสว่านหัวคาร์ไบด์ (Carbide Drill Bit) – ใช้เจาะโลหะแข็ง เช่น ไทเทเนียม สแตนเลส
ดอกสว่านเจาะปูนหรือเจาะคอนกรีต มีลักษณะของดอกสว่านเป็นเกลียวบิด ส่วนปลายดอกเป็นเหล็กชุบแข็งพิเศษ เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกจากการใช้งาน เหมาะสำหรับการเจาะปูน ซีเมนต์ บล็อก หรืออิฐ เป็นต้น นิยมใช้ 2 ประเภท ดังนี้
ดอกสว่านปลายคาร์ไบด์ (Carbide-Tipped Masonry Bit) – ใช้กับสว่านกระแทก (Hammer Drill)
ดอกสว่าน SDS (SDS Drill Bit) – ใช้กับสว่านโรตารีสำหรับเจาะคอนกรีตแข็ง
ดอกสว่านเจาะกระเบื้องและกระจก ใช้สำหรับเจาะกระจก กระเบื้อง และเซรามิก
- ดอกสว่านปลายหอก (Spear Point Bit) – ปลายแหลม เคลือบคาร์ไบด์ ลดการแตกร้าว
- ดอกสว่านเพชร (Diamond Tip Bit) – ใช้เจาะกระจกและกระเบื้องแข็ง
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกดอกสว่าน
ความยาวของดอกสว่าน
ดอกสว่านในทั่วไปมีความยาวหลายไซต์ให้ได้เลือกในงาน คุณควรต้องลองพิจรณา ในส่วนของงานว่าการเจาะต้องการความลึกติ้นมากน้อยเพียงใดในชิ้นงานนั้น ๆ ด้วยบางครั้งดอกสว่านที่มีความยาวมากนั้นจะมีค่าความแข็งแรงที่น้อยกว่า จึงอาจจะเกิดการส่ายได้ง่ายๆเวลาทำการเจาะอยู่ ดังนั้นดอกสว่านที่มีความยาวน้อยกว่าอาจจะทำได้ดีกว่าในบางกรณี
ความลึกของรูที่ต้องการเจาะในชิ้นงาน
ดอกสว่านบางส่วนนั้นมีผลกับระยะสัมพันธ์กับรูเจาะ ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลโดยตรงนั้นก็คือส่วนของร่องคาย (Flutes) ที่จะทำหน้าที่คายเศษที่ทำการสกัดออกมาจากการเจาะที่บางครั้งไปติดกับร่องนี้จนอาจจะทำให้ดอกสว่านหักได้ ในการเจาะวัสดุนั้นต้องทำการเผื่อระยะของการคายเศษในขณะเจาะ ประมาณ 2 เท่าตัวของเส้นศูนย์กลางดอกสว่านเช่นการจะเจาะวัสดุที่ความลึก 12 mm ควรจะเผื่อให้ระยะของการคายเศษแนะนำให้ขนาของดอกสว่านมีความยาวที่ 6 mm
ชนิดของดอกสว่าน
ดอกสว่านแบบธรรมดานั้น เมื่อทำงานกับชิ้นงานที่เยอะทำให้ดอกสว่านลดทอนประสิทธิภาพลงอย่างต่อเนื่อง เช่นการทำงาน 10,000 ครั้งต่อวันจะต้องมีการลับคมในทุก ๆ 500 ครั้ง แต่ถ้าคุณใช้ดอกสว่านที่มีคุณภาพสูงก็ช่วยประหยัดเวลาในการลับคมดอกสว่าน และช่วยลดเวลาในการเปลี่ยนดอกใหม่ได้อย่างมาก ทั้งนี้การเลือกชนิดของดอกสว่านที่เหมาสมกับชิ้นงานก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้การทำงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึงเช่น ความถี่ในการใช้งาน หรือชนิดของวัสดุด้วย และการวางมุมของดอกสว่าน เช่นดอกสว่านมุม 118องศา ใช้สำหรับเจาะวัสดุที่มีความแข็งน้อย เช่น อลูมิเนียม ส่วนดอกสว่านที่มุม 135-140 องศาใช้สำหรับเจาะวัสดุที่มีความแข็งสูง เช่นเหล็กชุบแข็ง เหล็กกล้า
Self-centering ของตัวดอกสว่าน
ตัวของดอกสว่านที่มีการทำมุมของหัวดอกแบบ high speed steel with combalt (HSS-CO) และ Cabine ข้อดีของดอกสว่านแบบนี้สามารถทำการเจาะชิ้นงานได้ง่ายๆโดยไม่ต้องทำการเจาะนำศูนย์ก่อนการเจาะงานจริง ส่วนดอกสว่านที่ไม่มี Self-Centering การใช้งานจึงจำเป็นต้องทำการเจาะนำศูนย์ไปก่อนเพื่อเป็นการป้องกันการไถลออกนอกจุดของดอกสว่านในขณะการทำการเจาะชิ้นงาน
คาร์ไบด์ (Carbide) คืออะไร?
คาร์ไบด์ (Carbide) เป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมระหว่าง โลหะหนัก กับ คาร์บอน (Carbon) โดยมีคุณสมบัติที่แข็งและทนทานมากกว่าวัสดุโลหะทั่วไป นิยมใช้ในงานตัด เจาะ และกัดวัสดุที่แข็ง เช่น โลหะ คอนกรีต และเซรามิก
ทำไมต้องใช้ดอกสว่านหัวคาร์ไบด์
ดอกสว่านคาร์ไบด์ คือดอกสว่านที่ผลิตโดยใช้แร่ทังสเตนกับคาร์บอนผสมเข้าด้วยกัน จึงมีชื่อเรียกว่า ทังสเตนคาร์ไบด์ (WC) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า คาร์ไบด์ (Carbide) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงกว่าดอกสว่านแบบไฮสปีด (HSS)
คาร์ไบด์กลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเครื่องมือขึ้นรูปและตัดเฉือนโลหะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ทนทานต่อการสึกกร่อน การผิดรูปทรง กระจายความร้อนได้ดี และมีความเหนียวค่อนข้างสูง จึงทำให้คาร์ไบด์มีความแข็งแรงรองจากเพชร ดอกสว่านคาร์ไบด์กลายมาเป็นหนึ่งเครื่องมือตัดเฉือนชิ้นงานที่ช่วยให้การผลิต หรือขึ้นรูปชิ้นงานได้ตอบโจทย์ของผู้ประกอบการยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนทานความร้อน และการแตกหักได้ดี ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มผลผลิตได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีของดอกสว่านหัวคาร์ไบด์
ความแข็งแรงสูง – คาร์ไบด์มีความแข็งกว่าเหล็กไฮสปีด (HSS) หลายเท่า
อายุการใช้งานยาวนาน – สึกหรอช้ากว่าเมื่อใช้เจาะวัสดุแข็ง
ลดโอกาสที่ดอกสว่านจะหัก – แข็งแรงกว่าเหล็กทั่วไป
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง – ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความละเอียด
ดอกสว่านหัวคาร์ไบด์เหมาะกับการเจาะวัสดุประเภทไหน
เนื่องด้วยคุณสมบัติของคาร์ไบด์ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ทำให้ดอกสว่านหัวคาร์ไบด์สามารถใช้เจาะได้อย่างอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นโลหะ แผ่นเหล็ก สเตนเลส ไม้ อิฐ ซีเมนต์ คอนกรีต กระเบื้อง แก้ว กระจก หินอ่อน หินแกรนิต
ท้าให้คุณลอง !! ดอกสว่านเจาะอเนกประสงค์หัวคาร์ไบด์พัมคิน ดอกสว่านที่ดีที่สุดในโลก
ดอกสว่านเจาะอเนกประสงค์หัวคาร์ไบด์ อายุการใช้งาน 10 เท่า เจาะเร็ว ทะลวงได้หลายวัสดุ LIFE TIME 10X เป็นหัวคาร์ไบด์อย่างดี ความคมสูง ทนสูง เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน สามารถเจาะได้หลายวัสดุ โดยไม่ทำให้วัสดุเสียหาย การออกแบบให้มีเกลียวที่ก้าน เพื่อให้คลายเศษได้ดีกว่าปกติ ดอกเจาะอเนกประสงค์ ก้านหกเหลี่ยม แบบสวมเร็ว สามารถใช้งานได้กับเครื่องมือไฟฟ้า แบบสวมเร็วได้เป็นอย่างดี
ประสิทธิภาพในการเจาะของดอกสว่านเจาะอเนกประสงค์หัวคาร์ไบด์ PUMPKIN
สเตนเลส เจาะได้ 5 มม.
แผ่นเหล็ก : เจาะได้ 20 มม.
ไม้/อิฐ/ซีเมนต์ : ประสิทธิภาพในการเจาะตามความลึกของดอก
กระเบื้อง : เจาะได้ 15 มม.
แก้ว/ กระจก : เจาะได้ 15 มม.
หินอ่อน/หินแกรนิต : ประสิทธิภาพในการเจาะตามความลึกของดอก
